เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องมีความคิดที่ว่าน้ำยาแอร์หมดแล้วแน่ ๆ ถึงเวลาต้องเติมน้ำยาแอร์ ในทุก ๆ ครั้งเมื่อแอร์ในบ้านเกิดอาการไม่เย็นขึ้นมา แต่รู้หรือไม่ ว่าจริง ๆ แล้ว น้ำยาแอร์ที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นระบบปิด ซึ่งหมายความว่าน้ำยาแอร์จะอยู่ในปริมาณเท่าเดิม ไม่ลดและไม่มีวันหมดแม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 5 ปี หรือ 10 ปีก็ตาม ยกเว้นว่าเกิดการรั่วไหลของน้ำยาแอร์ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่มาก
รู้อย่างนี้แล้ว ต่อไปหากแอร์ที่บ้านเริ่มไม่ทำความเย็นตามที่ควรจะเป็น อย่าพึ่งรีบตัดสินใจว่าเกิดจากน้ำยาแอร์หมด แต่ให้ลองหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยกว่า อย่างเช่น แอร์ไม่ได้รับการล้างทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของแผ่นกรองฝุ่นและคอยล์เย็น หรือหากโดนช่างบอกว่าให้เติมน้ำยาแอร์ ทั้ง ๆ ที่ไม่พบการรั่วไหลของน้ำยา ก็สามารถทักท้วงหรือสอบถามได้อย่างทันท่วงที เพราะหากเติมน้ำยาแอร์จนมากเกินความจำเป็น ก็จะทำให้แอร์มีอาการ Over Charge ทำให้แอร์ไม่เย็น
อย่างไรก็ตามหากพบการรั่วไหล น้ำยาแอร์จะหมดลงเร็วมากโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน หรือบางครั้งอาจเป็นเดือนขึ้นอยู่กับขนาดของรูที่รั่ว ต้องเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการซ่อมและดูแลทันที เพราะก่อนจะเติมน้ำยาแอร์ จำเป็นต้องอุดรอยรั่วตามจุดต่าง ๆ ก่อนเป็นอันดับแรก และน้ำยาแอร์แต่ละชนิด ยังมีวิธีการเติมที่ต่างกัน ดังนี้
1. น้ำยาแอร์ R32
เป็นน้ำยาแอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแอร์รุ่นใหม่ ๆ ซึ่งการเติมน้ำยาแอร์ R32 สามารถเติมส่วนที่น้ำยาขาดเพิ่มเข้าไปได้เลยเนื่องจากเป็นสารเชิงเดี่ยวไม่มีการผสมสารใดใดเพิ่มเติม
2. น้ำยาแอร์ R410A
เป็นการผสมกันของสารสองตัวเข้าด้วยกันในปริมาณที่เหมาะสมทำให้การเติมน้ำยาแอร์ชนิดนี้ จำเป็นต้องถ่ายน้ำยาแอร์เดิมออกมาให้หมดทุกครั้งก่อนเติมน้ำยาใหม่ หากเติมน้ำยาแอร์ใหม่โดยไม่ถ่ายน้ำยาแอร์เก่าออก จะทำให้สารสองสาร ไม่มีความสมดุลของปริมาณสัดส่วนของทั้ง 2 สาร
หมายเหตุ : การเติมน้ำยาแอร์ที่ดีที่สุดควรชั่งน้ำหนักของปริมาณของน้ำยา เพื่อให้เป็นไปตามการออกแบบมาตรฐานของเครื่องและควรได้รับการดูแลจากช่างผู้เชี่ยวชาญ
บริหารจัดการอาคาร: แอร์บ้านต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยแค่ไหน? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/